New Challenges in Digitalization businesses
December 1, 2017เพิ่งอ่านบทความของกูรูด้าน HR ท่านหนึ่งคือ Dave Ulrich ซึ่งเขียนหนังสือดังๆด้าน HR หลายเล่มเรื่องที่ดิฉันอ่านและอยากนำมาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องเล็กๆที่ให้ผลยิ่งใหญ่ทีเดียวถ้าทำได้ดี คือ “การสร้างความสัมพันธ์ หรือ Relationship ในการทำงานตามโมเดล HR” ที่ปัจจุบันที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ตามภาพด้านล่าง
โดยโมเดลการทำงาน HR จะประกอบด้วย 1) HR Operations 2) HR Business Partner และ 3) HR Centers of Expertise ภายใต้การบริหารจัดการของผู้บริหารของ HR เดฟได้ให้ข้อสังเกตว่าการทำงานในโมเดล HR ยังมีข้อถกเถียงอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยเดฟได้พูดถึงการวิจัยที่ทำการวิจัยในสองมุมมองคือ
- มุมมองที่1 มองในแง่กิจกรรมที่HR คิดว่าทำได้ดี (จากมุมมองของ HR)
- มุมมองที่ 2 มองในแง่กิจกรรม ที่ HR ทำแล้วส่งผลดีต่อธุรกิจหรือมี Business Impact เพราะสุดท้ายงาน HR ก็ต้องช่วยให้ธุรกิจเติบโต (จากมุมมองของธุรกิจ)
ผลการวิจัยที่น่าสนใจพบว่า
- กิจกรรมที่ HR ให้ความสำคัญและคิดว่าตัวเองทำได้ดีที่สุดคือการกำหนดบทบาทที่ชัดเจนของ HR (ไม่ว่าจะเป็น HR Business Partner, HR Operations, HR Centers of Expertise) แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ในเรื่องที่ HR ทำได้ดีกลับเป็นเรื่องที่ส่งผลดีกับธุรกิจ หรือมี Business Impact น้อยที่สุดในมุมมองของธุรกิจ (พูดง่ายๆคือการที่ HR มีการกำหนดบทบาทที่ชัดเจนไม่ได้ช่วยให้ธุรกิจดีขึ้น)
- กิจกรรม HR ที่จะส่งผลดีกับธุรกิจมากที่สุดคือการที่ HR สามารถตอบสนองความต้องการของ Stakeholder ได้ดี แต่กลับพบว่าเป็นกิจกรรมที่ HR ทำได้ไม่ดีเลย (จะเห็นได้ว่า HR ใช้เวลาผิดที่ คือไปใช้เวลาทำในเรื่องที่ธุรกิจไม่ได้ประโยชน์ !)
ซึ่งเดฟได้บอกว่าผลการวิจัยนี้ทำให้เขามีข้อคิดว่าการกำหนดบทบาทที่ชัดเจนของ HR ไม่สำคัญเท่ากับการทำให้บทบาทที่มีอยู่ทำงานได้จริงอย่างสอดคล้องกัน โดยเดฟเน้นว่าควรให้ความสำคัญกับ Relationship หรือความสัมพันธ์ในการทำงานระหว่างบทบาทต่างๆมากกว่าให้ความสำคัญกับการกำหนดบทบาทที่ชัดเจน เขาเปรียบเทียบการทำงาน HR เหมือนกับความสัมพันธ์ในครอบครัวว่าถ้าความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดี แม้ว่าจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ โซฟาใหม่ รถใหม่ ก็ไม่ทำให้ดีขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องพูดคุยกัน พัฒนา Relationship ที่มีต่อกันจึงจะทำให้ครอบครัวมีความสุข
การที่ HR มีการกำหนดบทบาทใหม่ มีเครื่องมือใหม่ๆแต่ถ้าทำงานไม่พูดกัน ไม่มีเป้าหมายเดียวกัน ต่างคนต่างทำก็ไม่เกิดประสิทธิภาพอยู่ดี โดยเดฟได้แนะนำเคล็ดลับในการพัฒนา Relationship หรือความสัมพันธ์ในหน่วยงาน HR เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดดังนี้
#1 มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน (Share a common purpose) แน่นอนที่สุดแต่ละฟังค์ชั่นใน HR ย่อมมีจุดหมายต่างกัน HR Operation ต้องการ cost ต่ำที่สุด HRBP ต้องการให้ลูกค้าของ HR คือ Line Manager พอใจ ซึ่งการ support Line Manager อาจทำให้ต้นทุนไม่ต่ำก็ได้ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมกันกำหนดและแชร์เป้าหมายเดียวกัน เช่น ต้องได้ผลดีที่สุดต่อธุรกิจ เป็นต้น
#2 เคารพความต่างของทุกบทบาท (Respect Difference) ทุกคนต้องเคารพและยอมรับความแตกต่างของแต่ละฟังค์ชั่นและร่วมกันทำงานประสานกันให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ ต้องเคารพต่อบทบาทของผู้อื่น ไม่มีใครสำคัญกว่าใคร
#3 ยอมรับกฎระเบียบกลาง (Govern, Accept and Connect) การทำงานร่วมกันต้องมีกฎระเบียบที่ใช้ร่วมกัน ดังนั้น HR ทุกฟังค์ชั่นต้องเคารพความต่างของบทบาท ยอมรับกฎ ระเบียบที่มี และทำงานประสานกันให้ได้ผลที่ดีต่อธุรกิจ (ไม่ใช่ฟังค์ชั่นตัวเอง)
#4 ต้องทำงานด้วยความใส่ใจกัน (Care for the other) แต่ละงานแต่ละฟังค์ชั่นต้องทำงานด้วยความเข้าใจในขอบเขตงานของคนอื่นด้วย ไม่ใช่แก่งแย่งแข่งขันกัน งานในภาพรวมก็จะไม่สำเร็จ ตัวอย่างที่เห็นประจำคือ การทำงานของ HR Business Partner กับ Center of Expertise ในขณะที่ HR Business Partner ต้องทำงานสนองความต้องการของ Business (ซึ่งต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน) แต่ Center of Expertise จะทำงานภายใต้หลักการด้าน HR (ซึ่งต้องยึดมั่นในหลักการ) ทำอย่างไรที่ทั้งสองฟังค์ชั่นจะทำงานร่วมกันได้เพื่อวัตถุประสงค์ร่วมกันคือ “ผลทางธุรกิจ”
#5 ต้องแบ่งปันความรู้กัน (Share Knowledge) ไม่มีใครรู้หมดครบทุกฟังค์ชั่นจึงต้องมีการแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งผู้บริหารของ HR ก็ต้องสนับสนุนให้มีการแบ่งปันความรู้ข้ามฟังค์ชั่นงานด้วย เช่นการมี Job Rotation ข้ามฟังค์ชั่น การจัดประชุมทีมเป็นประจำเพื่อ Share Knowledge เป็นต้น
#6 ต้องเติบโตไปด้วยกัน (Grow Together) สุดท้ายก็คือการที่ต้อง focus ในการเติบโตไปด้วยกันเพื่ออนาคต อย่ามองอดีตแต่เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต เพื่อปรับปรุง
สิ่งสำคัญที่อยากฝากไว้คือ การทำงานตามโมเดล HR ข้างต้นให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องอย่าทำงานคนเดียว ต้องทำงานเป็นทีม เหมือนเรามีครอบครัว เราก็ต้องนึกถึง ผลกระทบต่อครอบครัว (HR) ของเรามากกว่าตัวเราคนเดียว (หรือฟังค์ชั่นงานของเรา) ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การมีครอบครัวประสบความสำเร็จก็คือ “ความสัมพันธ์” กับคนในครอบครัว เช่นเดียวกันคะ ปัจจัยที่ทำให้งานสำเร็จก็คือ “ความสัมพันธ์” ระหว่างฟังค์ชั่นงานตามโมเดล HR ถ้าแต่ละฟังค์ชั่นไม่พูดกัน ต่างคนต่างทำ เมื่อไรงานจะสำเร็จล่ะคะ ซึ่งตรงนี้เป็นบทบาทหลักของ ผู้บริหาร HR ที่จะสร้างสัมพันธ์ในทีมงานนะคะ ฝากด้วยนะคะท่านผู้บริหาร !